การบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาและการวิจัย เป็นการให้ร่างกายของตนเองแก่สถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยทางการแพทย์ เพื่อให้นำไปใช้ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของร่างกายมนุษย์ รวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เป็นการช่วยเหลือวงการแพทย์และมนุษยชาติให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ประโยชน์ของการบริจาคร่างกาย
การบริจาคร่างกายมีประโยชน์มากมาย ดังนี้
- ช่วยให้นักศึกษาแพทย์และแพทย์ประจำบ้านได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะทางการแพทย์ที่จำเป็น
- ช่วยให้นักวิจัยทางการแพทย์ได้ศึกษาและพัฒนาวิธีการรักษาและป้องกันโรคใหม่ๆ
- ช่วยให้วงการแพทย์และมนุษยชาติก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจบริจาคร่างกาย
ก่อนตัดสินใจบริจาคร่างกาย ควรพิจารณาถึงข้อควรพิจารณาดังต่อไปนี้
- จะต้องไม่เสียชีวิตจากโรคหรือสาเหตุที่อาจส่งผลกระทบต่อการศึกษาและการวิจัย
- จะต้องไม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือความรุนแรง
- จะต้องไม่เสียชีวิตจากโรคติดต่อร้ายแรง
ขั้นตอนการบริจาคร่างกาย
การบริจาคร่างกายสามารถทำได้โดยติดต่อศูนย์รับบริจาคร่างกายของสถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยทางการแพทย์ โดยจะต้องกรอกแบบฟอร์มแสดงความประสงค์บริจาคร่างกาย และแจ้งข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น
ขั้นตอนการรับศพ
เมื่อผู้บริจาคถึงแก่กรรม ญาติจะต้องแจ้งการเสียชีวิตไปยังศูนย์รับบริจาคร่างกาย โดยเจ้าหน้าที่จะเดินทางไปรับศพและนำศพไปศึกษาและวิจัยต่อไป
การบริจาคร่างกายในประเทศไทย
ในประเทศไทย มีสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยทางการแพทย์หลายแห่งที่รับบริจาคร่างกาย ดังนี้
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
- คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สรุป
การบริจาคร่างกายเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง เป็นการเสียสละที่ช่วยให้วงการแพทย์และมนุษยชาติก้าวหน้ายิ่งขึ้น ผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถพิจารณาบริจาคร่างกายเพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่นได้
Tags: การบริจาคร่างกาย